บทความ ท่องเที่ยว

เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ดินแดนแห่งเทพนิยาย

เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ถือเป็นเมืองที่น่าลองไปเหยียบสักครั้งในชีวิต นอกจากจะได้สัมผัสบรรยากาศที่ดีต่างจากเมืองอื่นๆ ในรัสเซียแล้ว ยังมีความลึกลับจากสถาปัยที่โดดเด่นยิ่งกว่า และมีความสำคัญไม่แพ้กรุงมอสโค ทั้งการค้าการขายกับทางยุโรป หรือจะเรื่องที่เขาว่ากันว่า ผู้หญิงที่นี่สวยที่สุดในโลกตะวันตก

เที่ยวเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ดินแดนแห่งเทพนิยาย

เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก

ขอย้อนเวลาหาอดีตสักหน่อย สมัยเริ่มก่อตั้งดินแดนแห่งนี้ พระเจ้าปีเตอร์มหาราช หรือ ปีเตอร์ เดอะ เกรตแห่งรัสเซียมีโอกาศได้มาเยือนดินแดนที่ติดกับคาบสมุทรบอลติกใกล้กลับ ประเทศฟินแลนด์ พระองค์เกิดหลงไหลได้ปลื้มกับพื้นที่นี้มากถึงกับมีคำสั่งให้ สร้างเมืองขึ้นบริเวณนี้ทันที คล้อยหลังต่อมาไม่ถึง 10 ปี ด้วยความวิจิตรงดงามราวเทพนิยาย เซนต์ปีเตอร์บิร์กก็ถูกสถาปนาเป็นนครหลวงแทนกรุงมอสโก เซนต์ปีเตอร์บิร์กเติบโตด้วยเม็ดเงินจากท้องพระคลังหมายมั้นปั้นมือจะวัด ความทันสมัยให้ได้เท่าอัมสเตอร์ดัมของฮอลแลนด์และลอนดอนของอังกฤษ ด้วยสไตล์ที่เรียกว่า “ยูโรเปียน

เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก1

ความงามของเมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ถูกรังสรรค์จากศิลปินทั่วทุกมุมแผ่นดินยุโรป ทำให้เมืองแห่งนี้ดูยุโรปจ๋ามากกว่ามอสโกและเมืองต่างๆ ในรัสเซีย แต่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็มาเยือนเมืองแห่งนี้อีกครั้ง หลังจากสิ้นสุดยุคการปกครองของกษัตริย์ทำให้มีการย้ายเมืองหลวงกลับไปเป็น ที่มอสโก และหลังจากการตายของเลนิน เซนต์ปีเตอร์เบิร์กถูกเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็นเลนินกราดเพื่อเป็นเกียรติต่อ เลนิน เซนต์ปีเตอร์เบิร์กต้องรับการมาเยือนภัยครั้งใหญ่ที่ฮิตเลอร์สั่งพลทหารนาซี หมายยึดรัสเซียที่กำลังอ่อนแรงทำให้ หน้าต่างของยุโรปบานนี้เสียหายอย่างหนักมีประชากรล้มตายแตะหลักล้าน

เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก2

 

กลับมาพูดถึง สถานที่ท่องเที่ยวในเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก บ้างอย่างที่บอกเป็นเซนต์ปีเตอร์เบิร์กเป็นนครที่ใครหลายคนเคยมาแล้วต้องตกหลุมรัก หากพูดถึงเมืองแห่งนี้คงอดพูดไม่ได้กับอภิมหาสถาปัตยกรรมระดับโลก “มหาวิหารเซนต์ไอแซค” มหาวิหารแห่งนี้เปรียบเสมือนป้ายบอกทางว่านี้ละ เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก วิหารเซนต์ไอแซคถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1710 โดยใช้หินแกรนิตชิ้นเดียวขนานกว่า 118 ตัน จำนวน 48 ชิ้นเพื่อนำมันมาเป็นฐานรองรับโดมที่ใหญ่ติดระดับโลกอีกชิ้นหนัก 67 ตัน บนพื้นที่กว่า 4000 ตารางเมตร วิหารแห่งนี้ใหญ่พอที่จะรับคนร่วม 10000 ภายในถูกตกแต่งไปด้วยอัญมณีประดับ เช่น มาคาไคล ลาปิสลาสุลีและหินอ่อนคุณภาพดีหลากสีตามด้วยเครื่องตกแต่งที่ทำด้วยสำริด เครือบทองคำเปลว และภาพปูนเปียก รวมถึงรูปปูนปั้นแกะสลักถูกใช้แต่งโบสถ์ ทั้งภายนอกและภายในเพื่อความอลังการด้วยช่างฝีมือดีทั่วรัสเซียกว่า 200 คน วิหารแห่งนี้ถูกทำและขยายต่อทั้งหมด 3 ครั้ง กินระยะเวลาถึง 40 ปี กินเงินหลวงไปจำนวนมหาศาลแต่ผลลัพธ์ของมันวิจิตรเกินกว่าใครจะทำได้อีกครั้ง

เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก3

และใกล้พื้นที่ใกล้เคียงกันกับมหาวิหารไอแซคก็จะมีรูปปั้นที่เรียกว่า “The Bronze Horseman” รูปปั้นแห่งนี้เปรียบเสมือนรูปจำลองของพระเจ้าปีเตอร์มหาราชที่ได้สร้าง เมืองแห่งนี้ขึ้นมา เป็นความตั้งใจของพระนางแคทเธอรีนที่ต้องการสัญลักษณ์เพื่อระลึกถึงบุรุษใน ดวงใจของพระนาง พระนางแคทเธอรีนสั่งศิลปินชื่อดังจากเมืองน้ำหอม นามว่า เอเตียง โมริส ฟัลโคเน็ต ให้ปั้นร่างพระเต้าปีเตอร์ชี้พระหัตถ์ไปยังแม่น้ำเนวา พร้อมทอดพระเนตรไปทิศทางเดียวกันแสดงถึงปณิธานของพระองค์ที่ทรงหวังว่าเมือง แห่งนี้จะกลายเป็นศูนย์กลางและมหาอำนาจใหม่ของยุโรป ส่วนงูที่อยู่ใต้เกือกม้าหมายถึงภัยร้ายที่ไม่สามารถกลั้นกลายเข้ามาในถิ่น นี้ได้ รูปปั้นแห่งนี้ใช้เวลาตั้งแต่ปี ค.ศ.1766-1778  วิหารไอแซคเปิดให้บริการวันพฤหัสถึงอังคารตั้งแต่เวลา 10.00 – 18.00 เข้าชมได้ 2 ชั่วโมง

เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก4

ข้ามมาที่ ปีเตอร์ฮอฟหรือปีเตอร์ดวาเวซ พระราชวังฤดูร้อนที่ตั้งอยู่แทบชานเมืองของที่นี้ ปีเตอร์ฮอฟเป็นพระราชวังที่ถูกนิรมิตโดยศิลปินเอกในสมัยนั้น ที่ชื่อว่าฟรานเชสโก ราสเทรลลี่ และเลอ บรอง ทั้งสองทำคนละส่วนในพระราชวังนี้โดยตัวภายในพระราชวังนั้นเป็นหน้าที่หลัก ของราสเทรลลี่ที่ออกแบบความงามในสไตล์ผสมเรอเนสซองส์ บารอคและคลาสสิก ราสเทรลลี่เลือกที่จะใช้โคมไฟระย้า งานไม้แกะสลักและภาพวาดสีน้ำมันเป็นหลัก

เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก5

มีการแทรกงานภายในอีกหลายจุดในแบบจีนไม่ว่าจะเป็นห้องที่ใช้ไหมทอเป็นลายนก และอิทธิพลจากเติร์กในห้องนอนด้านหน้าจะหันออกสู่อ่าวฟินแลนด์ ส่วนของเลอ บรองถูกพระเจ้าปีเตอร์เชิญมาสร้างลานน้ำพุโดยเฉพาะ ลานน้ำพุแห่งนี้ถือเป็นจุดหลักของประสาทแห่งนี้ก็ว่าได้สถานที่แห่งนี้จะ เปิดทุกวันยกเว้นวันจันทร์ – อังคารสุดท้ายของเดือน ตั้งแต่เวลา 10.30 – 18.00 แต่หากใครจะไปชมน้ำพุต้องเลือกเวลาไปสักหน่อยเพราะจะเปิดลานแค่เดือนพฤษภาคม – กันยายนเท่านั้น

เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก6

โบสถ์สโมนี่ย์คอนแวนส์ โบสถ์สีฟ้าอ่อนสวยฝันของสาวๆ ที่ชอบความสดใสปนน่ารัก สโมนี่ย์เป็นโบสถ์สไตล์บารอคตั้งตระหง่านริมแม่น้ำเนวา ออกแบบโดยฟรานเชสโก ราสเทรลลี่เจ้าเก่าที่เป็นผู้ออกแบบ สถาปัยตกรรมของเมืองนี้เกินกว่าครึ่งเป็นงานของราสเทรลลี่เริ่มแรกถูกสร้าง ขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่ในการศึกษาด้านศาสนาของแม่ชีแหงออโธดอกซ์ ต่อมาสถานที่แห่งนี้กลายเป็นสำนักชีสำหรับเด็กสาวที่มีเชื้อขุนนางและ กษัตริย์ เมื่อเวลาล่วงเลยมาสำนักชีแห่งนี้กลายเป็นหอแสดงคอนเสิร์ต กลายเป็นสถานที่ราชกาล สุดท้ายกลายเป็นสมบัติของคณะสังคมศาสตร์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแห่ง มหาวิทยาลัยเซนต์ปีเตอร์เบิร์กในที่สุด

เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก7

ตามต่อกันที่ซาร์สกาเยเซโล พระราชวังที่ถูกรอบกรอบด้วยสวยขนาดใหญ่ ถูกออกแบบโดยศิลปินเจ้าเดิมฟรานเชสโก ราสเทรลลี่ อาคารสูงกว่า 3 ชั้นลากความยาวไกลถึง 300 เมตร ภายในเน้นความสง่างามแบบอ่อนช้อยและหรูหรา เน้นความสดใสจากสีฟ้าตัดสีขาว มีงามปั้นประดับเสาและหัวเสาด้วยสีทอง แต่พระนางแคทเธอรีนมหาราชที่เข้ามาพักผิงกลับไม่เห็นด้วยกับงานภายในของราส เทรลลี่จึงมีการเปลี่ยนแปลง พระนางแคทเธอรีนจัดงานนี้ให้สถาปิกคนสนิทที่ชื่อว่าชาร์ล คาเมรอลเข้ามาแก้ เปิดทุกวันตั้งแต่ 10.00 – 17.00 ปิดวันจันทร์และอังคารสุดท้ายของเดือนเหมือนเคย

เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก8

เมื่อพูดถึงพระนางแคทเธอรีนมหาราชกับช่างคนโปรดที่ทำงานกันมาอย่างต่อเนื่อง ครั้นพอพระนางมีราชบุตรนามว่า พอลที่ 1 พระองค์จึงตัดสินใจให้สร้างพระราชวังปาฟลอฟ ในลักษณะคล้ายกับซาร์สกาเยเซโล ปาฟลอฟถูกตั้งอยู่กลางสวนกว้าง โดยมีชาร์ลคุมงานงานสร้างแต่พระเจ้าพอลที่ 1 กลับไม่ประทับใจเท่าไหร่จึงมีคำสั่งให้วินเซนโซ เบรนนาช่างอิตาลีอีกคนมาทำงานร่วมกับคาเมรอนให้ออกแบบปาฟลอฟ พระนางแคทเธอรีนและบุตรชายต้องการเห็นปาฟลอฟออกมาเป็นฝรั่งเศสมากกว่าให้ เป็นอิตาลี ทำเอาชาร์ล คาเมรอนงอนไปพักหนึ่งก่อนกลับมากลับมาสร้างจนเสร็จ พระราชวังแห่งนี้มีความงดงามและยิ่งใหญ่กว่าซาร์สกาเยเซโลมาก ว่ากันว่าเป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีชของศิลปินทั้งสองก็ว่าได้ ปาฟลอฟ เปิดตั้งแต่ 10.00 – 17.00 ทุกวัน

เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก9

พูดถึงความกลัวของพระเจ้าพอลที่ 1 กันหน่อย ครั้นเมื่อพระองค์ทรงได้ขึ้นครองราชบังลังก์ย์พระองค์มีความเกลียดพระมารดา ของตนที่แอบเล่นชู้และยังกลัวการลอบทำร้ายจากคนรอบข้าง กลัวที่จะถูกปลงประชนม์จึงของย้ายออกจากพระราชวังฤดูหนาวและสั่งให้วินเซนโซ เบรนนาและวาซิลี บาเซนอฟสร้างพระราชวังมิคาอิลลอฟสกี้ขึ้นมา ในปี ค.ศ. 1797 วังแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาอย่างรวดเร็วเป็นอาคารทรง 8 เหลี่ยมแบบยุคกลางล้อมรอบด้วยสวนขนาดใหญ่ยักษ์ ตีกรอบด้วยแม่น้ำล้อมตัวอาคารอีกชั้น ทั้งยังมีรับสั่งให้สร้างปราการภายในตัวอาคาร เครื่องตกแต่งภายในด้วยของล้ำค่ามากมายและหนึ่งในนั้นมีบางอย่างที่พระองค์ เอามาจากทาวาริชเชสกี้พาเลซ คฤหาสน์ชายชู้ของพระมารดาของตน แต่สุดท้ายพระเจ้าพอลที่ 1 ก็ถูกลอบปลงพระชนม์ในห้องบรรทมหลังจากพระองค์มาประทับได้เพียง 47 วัน ปัจจุบันวังแห่งนี้กลายเป็นสถานศึกษาเกี่ยวกับวิศกรรม เป็นพิพิธภัณฑ์แกลอรี่ศิลปพและรวมรวบภาพวาดของกษัตริย์รัสเซียตั้งแต่ศตวรรต ที่ 17 – 20 ประสาทแห่งนี้เปิดให้เข้าชมได้ 2 ชั่วโมงตั้งแต่เวลา 10.00 – 17.00 หยุดวันอังคารครับ

เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก10

ต่อโอราเนียนบาร์ม ที่แปลต้นไม้สีส้ม ตามภาษาท่องถิ่น เป็นวังเก่าของเจ้าชายอเล็กซานเดอร์ เมนชิคอฟที่เป็นสหายคนสนิทของพระเจ้าปีเตอร์ วังแห่งนี้ถูกสร้างไกลออกจากเมืองเซนต์ปีเตอร์เบร์กได้ราว 40 กิโล ก่อนกลายเป็นแกรนด์ พาเลซในช่วงสมัยของพระนางแคทเธอรีนที่ 2 ได้สร้างวังทรงจีนที่มีความอ่อนช้อยสไตล์บารอคและตกแต่งภายในด้วยความ อลังการในรูปแบบรอคโคโค เพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนในวันหยุด พระราชวังแห่งนี้เคยผจญสงครามในยุคสมัยของฮิตเลอร์ที่ต้องการยึดโซเวียต แต่พระเจ้าทรงคุ้มครองความงามแห่งนี้ไว้ไม่ได้ถูกทำลายลงเหมือนวังนอกเมือ งอื่นๆ ที่นี้ยังคงตฺมไปด้วยศิลปะแบบรัสเซียดั้งเดิมไว้ทั้งดุ้นพร้อมรับแขกที่มา เยือนวังแห่งนี้ เปิดบริการตั้งแต่ 9.00 – 20.00 ฝั่งสวย ในตัวอาคารเปิดตั้งแต่ 10.00 – 18.00 หยุดวันจันทร์วันเดียวนอกนั้นของให้เดินเที่ยวได้ตามสบาย

เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก11

ปิดท้ายด้วยเฮอร์มิเทจและอเล็กซานเดอร์คอลัมน์ ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งที่ที่เจ้าของงานสร้างชื่อว่า ฟรานเชสโก ราสเทรลลี่ พระราชวังฤดูหนาวแห่งนี้ถูกตกแต่งในสไตล์บารอค ใช้ลวดลายที่อ่อนช้อยสวยงามตัดทองแต้มแต่งด้วยโดมระย้าดูเลิศหรู ประดับด้วยปูนปั้นฝีมือบรมครูและงานแกะสลักระดับเทพ ถือเป็นสุดยอดสถาปัยอีกชิ้นที่ราสเทรลลี่รังสรรค์ได้อย่างวิจิตร ปัจจุบันที่แห่งนี้กลายเป็นแหล่งสมบัติที่ล้ำค่ามากที่สุดในโลกมากกว่า 2.7 ล้านชิ้น ร่วมถึงผลงานของศิลปินที่โด่งดังสุดๆ ไม่ว่าจะเป็น Leonardo Da Vinci, Picasso, Raphael, Rubens, Rembrandt, Botticelli, Michelangelo, Velazquez, Goya และงานที่คนไทยรู้จักกับดีก้านข้าวโพดทองคำประดับด้วยเพชรปักในถ้วยน้ำเจียร จากก้อนหินคริสตัน หรือมงกุฎขนาดเล็กของซาร์ทาด้วยทองคำ เงิน เพชร ทับทิม ไพลิน ทั้งหมดถูกรวมไว้ที่แห่งนี้หมดแล้ว พระราชวังฤดูหนาวเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.30 – 18.00 ปิดวันจันทร์ ยังเหลืออีกหลายที่ที่เรายังไม่ได้แนะนำในเมืองแห่งนี้ หากคุณได้มีโอกาศไปรัสเซียจริงๆ คุณอย่าพลาดที่จะไปเหยียบเมืองแห่งนี้ เซนต์ปีเตอร์เบิร์กมันคือหน้าต่างของยุโรปจริง

เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก12เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก13

 

 

Recent Post